Skip to main content

๑๑ พฤศจิกายน วันที่ระลึกทหารอาสาสงครามโลกครั้งที่ ๑

          เนื่องด้วยวันที่ ๑๑ พฤศจิกายน ของทุกปี เป็นวันระลึกทหารอาสาสงครามโลกครั้งที่ ๑ องค์การสงเคราะห์ทหารผ่านศึก ในพระบรมราชูปถัมภ์ ซึ่งเป็นหน่วยงานที่ทำหน้าที่ดูแลให้การสงเคราะห์แก่ทหารผ่านศึก ครอบครัวทหารผ่านศึก ทหารนอกประจำการ ตลอดจนผู้ที่ปฏิบัติหน้าที่ในการรบ ได้กำหนดจัดพิธีวางพวงมาลา เพื่อเป็นการแสดงความระลึกถึงวีรกรรมและความเสียสละของทหารอาสา สงครามโลกครั้งที่ ๑ ณ อนุสาวรีย์ทหารอาสา บริเวณท้องสนามหลวง
          โดยพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้ พลเรือเอก ชุมพล ปัจจุสานนท์ องคมนตรี เป็นผู้แทนพระองค์วางพวงมาลา ในเวลาประมาณ ๑๕๓๐ และจะมีผู้แทนส่วนราชการ สมาคม ผู้ช่วยทูตทหารต่างประเทศประจำประเทศไทย ตลอดจนหน่วยงานต่างๆ ร่วมวางพวงมาลา ตั้งแต่เวลา ๑๔๔๐ นอกจากนี้ ภายในงานยังมีการจัดแสดงนิทรรศการประวัติสงครามโลกครั้งที่ ๑ ให้ความรู้แก่ผู้มาร่วมงานด้วย

รูปภาพจาก : http://www.kroobannok.com/22108

          สงครามโลกครั้งที่ ๑ ซึ่งเป็นสงครามที่มีคนไทยเข้าไปร่วมด้วย โดยเริ่มขึ้นเมื่อวันที่ ๑ สิงหาคม พ.ศ. ๒๔๕๗ ตรงกับรัชสมัย พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ ๖ อันมีสาเหตุมาจากความขัดแย้งระหว่างออสเตรียกับเซอร์เบีย โดยคู่กรณีสงครามแบ่งออกเป็น ๒ ฝ่าย คือ ฝ่ายเยอรมนี มี พันธมิตรผู้หนุนหลังประกอบด้วย ออสเตรีย ฮังการี บัลแกเรีย และตุรกี และฝ่าย สัมพันธมิตร ซึ่งประกอบด้วย รัสเซีย อังกฤษ ฝรั่งเศส สหรัฐอเมริกา และประเทศอื่น ๆ รวม ๒๕ ประเทศ
          เมื่อสงครามอุบัติขึ้น ได้ขยายขอบเขตไปตามภูมิภาคต่าง ๆ จนมาถึงทวีปเอเชีย โดยประเทศญี่ปุ่นได้ประกาศสงครามกับเยอรมนี สำหรับประเทศไทยซึ่งในขณะนั้นมีการปกครองในระบอบสมบูรณาญาสิทธิราชย์ โดยมีพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงเป็นองค์ประมุข พระองค์มิได้ทรงนิ่งนอนพระทัย มีพระบรมราชวินิจฉัยด้วยพระปรีชาญาณ ทรงตัดสินพระทัยร่วมรบกับฝ่ายสัมพันธมิตร (ประกาศสงครามกับฝ่ายเยอรมนี) โดยทรงลงพระปรมาภิไธยในประกาศสงคราม เมื่อเวลาประมาณ ๒๔๐๐ น. ของวันที่ ๒๑ กรกฎาคม พ.ศ. ๒๔๖๐
          หลังจากที่ประเทศไทยตัดสินใจเข้าร่วมสงคราม แล้ว กระทรวงกลาโหมได้ประกาศรับสมัครทหารอาสา โดยในขั้นต้นได้คัดเลือกไว้จำนวน ๑,๓๘๕ คน จากนั้นมีการอบรมและทดสอบ เหลือกำลังปฏิบัติการ ๑,๒๘๔ นาย จัดเป็นกองทหารอาสา โดยมี พันเอก พระยาเฉลิมอากาศ หรือ สุณี สุวรรณประทีป เป็นผู้บังคับการ กองทหารอาสาของไทยในครั้งนั้น แบ่งออกเป็น ๓ หน่วยด้วยกัน คือ กองทหารบกรถยนต์ กองบินทหารบก และ กองพยาบาล โดยทหารอาสาทั้งหมดนี้ได้กระทำพิธีสาบานตนต่อธงไชยเฉลิมพล ณ บริเวณหน้าวังสราญรมย์ และในวันที่ ๑๙ มิถุนายน พ.ศ. ๒๔๖๑ กองทหารอาสาได้ออกเดินทางจากท่าราชวรดิฐ โดยเรือกล้าทะเลและเรือศรีสมุทรเพื่อไปขึ้นเรือเอมไพร์ ซึ่งประเทศฝรั่งเศสส่งมารับที่เกาะสีชัง เพื่อเดินทางต่อไปยังสิงคโปร์ ลังกา สุเอซ ถึงเมืองมาร์แซลล์ ประเทศฝรั่งเศส เมื่อวันที่ ๓๐ กรกฎาคม พ.ศ.๒๔๖๑ หลังจากนั้นได้เดินทางไปเข้าที่ตั้งเพื่อรับการฝึกก่อนส่งตัวเข้าปฏิบัติการ รบในสมรภูมิ
          สงครามโลกครั้งที่ ๑ เกิดขึ้นยืดเยื้อยาวนานถึง ๔ ปี จนกระทั่งในวันที่ ๖ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๔๖๑ เยอรมนีได้ติดต่อฝ่ายสัมพันธมิตรขอเจรจาสงบศึก โดยทั้งสองฝ่ายได้ลงนามในสัญญาสงบศึกบนรถไฟ ณ เมืองคองเปียน ประเทศฝรั่งเศส เมื่อวันที่ ๑๑ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๔๖๑ วันสำคัญวันนี้ของทุกปีจึงถูกกำหนดให้เป็น “วันที่ระลึกทหารอาสาสงครามโลกครั้งที่ ๑”
                                                                                       ข้อมูล กพร.ทร. ๒ พ.ย.๕๙

Comments

Popular posts from this blog

กง.ทร.พัฒนาระบบ E-mobile Slip ใช้ตรวจสอบข้อมูลใบจ่ายเงินเดือนผ่านสมาร์ทโฟน

เพื่ออำนวยความสะดวกให้แก่ข้าราชการกองทัพเรือ กองทัพเรือ โดยกรมการเงินทหารเรือ ได้พัฒนาระบบ E-mobile Slip เพื่อให้ข้าราชการกองทัพเรือสามารถตรวจสอบข้อมูลใบจ่ายเงินเดือนได้ด้วยตนเองผ่านทางระบบโทรศัพท์เคลื่อนที่ (Smart Phone) ซึ่งมีขั้นตอนดังนี้ เข้าลงทะเบียนผู้ใช้งานครั้งแรก เพื่อตั้งค่ารหัสผ่านในเว็บไซต์กรมการเงินทหารเรือที่ http://info.navy.mi.th/finance แบนเนอร์ “สลิปเงินเดือน” หลังเข้าลงทะเบียนผู้ใช้งานแล้ว โทรศัพท์เคลื่อนที่ระบบ Android สามารถดาวน์โหลดโปรแกรมผ่าน Play Store โดยค้นหาคำว่า “e-slip” และติดตั้งโปรแกรมในโทรศัพท์เคลื่อนที่ ส่วนโทรศัพท์เคลื่อนที่ระบบ iOS ให้เปิด Browser และเข้าเว็บไซต์ http://www.finance.navy.mi.th/mobile_https หรือด้วยการสแกนผ่านบาร์โค้ดในเว็บไซต์กรมการเงินทหารเรือ จากนั้นจึงเข้าใช้งานด้วยรหัสผู้ใช้งานเป็นเลขประจำตัวประชาชน ๑๓ หลัก และรหัสผ่านที่ตั้งไว้ ข้อมูล กง.ทร. ๒๘ ก.ย.๕๙

ศูนย์แบบเบ็ดเสร็จข้าราชการกองทัพเรือนอกประจำการ (One Stop Service : OSS)

  ศูนย์บริการแบบเบ็ดเสร็จข้าราชการกองทัพเรือนอกประจำการ ได้เปิดที่ทำการอาคารศูนย์แบบเบ็ดเสร็จข้าราชการกองทัพเรือนอกประจำการ ( One Stop Service : OSS) หรืออาคารสภาเรือแห่งใหม่ ซึ่งตั้งอยู่บริเวณพื้นที่วังนันทอุทยาน ถนนอิสรภาพ เขตบางกอกน้อย กรุงเทพมหานคร โดยเป็นศูนย์บริการแบบเบ็ดเสร็จข้าราชการกองทัพเรือนอกประจำการเพื่อช่วยเหลือ แนะนำ และอำนวยความสะดวกแก่ข้าราชการกองทัพเรือที่ลาออกจากราชการและเกษียณอายุราชการ รวมทั้งทายาท ให้สามารถเข้าถึงการบริการด้านสิทธิกำลังพลได้อย่างสะดวกและรวดเร็วโดยการรวมจุดบริการมาไว้เพียงจุดเดียว อาทิ การเบิกเบี้ยเลี้ยงเดินทางและค่ารักษาพยาบาล ฯลฯ ซึ่งถือเป็นการพัฒนาคุณภาพการสวัสดิการและการบริการให้กับกำลังพลและครอบครัว เพื่อให้มีขวัญกำลังใจและคุณภาพชีวิตที่ดี   โดยได้มีพิธีวางศิลาฤกษ์อาคารสภาเรือ เมื่อวันที่ 4 ส.ค.60 ที่ผ่านมา   และเรียนเชิญผู้บัญชาการทหารเรือ หรือผู้แทน เป็นประธานในพิธีเปิดอาคาร ศูนย์แบบเบ็ดเสร็จข้าราชการกองทัพเรือนอกประจำการ ในวันที่ 8 พ.ค.61 สำหรับอาคารสภาเรือ ที่สร้างขึ้นนี้   มีรูปแบบการดำเนินการ ใน 3 ส่วนคือ 1. ด้านกำลังพล ได้แก่ ก

ศูนย์ดูแลผู้สูงอายุสมเด็จพระปิ่นเกล้า งานสวัสดิการ โรงพยาบาลสมเด็จพระปิ่นเกล้า กรมแพทย์ทหารเรือ

โรงพยาบาลสมเด็จพระปิ่นเกล้า กรมแพทย์ทหารเรือ ได้เปิดศูนย์ดูแลผู้สูงอายุสมเด็จพระปิ่นเกล้า “พฤฒเวชโฮมแคร์” ให้บริการดูแลผู้สูงอายุ โดยทีมงานคุณภาพมาตรฐาน เพื่อความสุขสบายของคนที่คุณรัก ภายในบรรยากาศที่อบอุ่นเสมือนบ้าน รับผู้สูงอายุชาย – หญิง อายุตั้งแต่ ๖๐ ปีขึ้นไป            นอกจากนั้นยังจัดให้มีกิจกรรมต่าง ๆ ตามสภาพร่างกาย และความเหมาะสมของผู้เข้ารับการบริการ เช่น การทำบุญตักบาตร การสวดมนต์ การสนทนา โดยใช้หลักจิตวิทยาเพื่อเป็นการกระตุ้นการทำงานของสมอง การออกกำลังกาย กิจกรรมนันทนาการต่าง ๆ นอกจากนี้ ยังมีบริการแพทย์ตรวจเยี่ยม ๒ ครั้งต่อเดือน แพทย์เวชศาสตร์ฟื้นฟูตรวจเยี่ยม ๑ ครั้งต่อเดือน พยาบาลวิชาชีพเยี่ยมประเมิน ๔ ครั้งต่อเดือน ผู้ที่สนใจติดต่อได้ที่ ศูนย์ดูแลผู้สูงอายุสมเด็จพระปิ่นเกล้า งานสวัสดิการ โรงพยาบาลสมเด็จพระปิ่นเกล้า กรมแพทย์ทหารเรือ ถนนสมเด็จพระเจ้าตากสิน แขวงบุคคโลเขตธนบุรี กรุงเทพมหานคร หรือสอบถามรายละเอียดได้ที่ โทรศัพท์หมายเลข ๐๖ ๑๖๑๕ ๒๖๕๒ และ ๐๘ ๖๓๘๒ ๗๖๙๙                                                                         ข้อมูล รพ.สมเด็จพระปิ่นเกล้าฯ