ศูนย์บัญชาการแก้ไขปัญหาการทำการประมงผิดกฎหมาย (ศปมผ.) จมเรือประมง ๘ ลำ บริเวณทะเล จว.เพชรบุรี เพื่อเป็นปะการังเทียม ฟื้นฟูจำนวนทรัพยากรสัตว์น้ำ
ในวันนี้ ๑๕ พ.ย.๕๙ ศูนย์บัญชาการแก้ไขปัญหาการทำการประมงผิดกฎหมาย (ศปมผ.) มีกำหนดให้มีการจมเรือประมงจำนวน ๘ ลำ ในทะเลบริเวณ จว.เพชรบุรี (ห่างจากฝั่งประมาณ ๑๒ ไมล์ทะเล) ซึ่งเรือประมงดังกล่าวเป็นเรือประมงที่รัฐบาลรับซื้อจากผู้ประกอบการประมงที่ใช้เครื่องมือประเภทอวนรุนที่นับเป็นเครื่องมือที่ มีประสิทธิภาพในการทำการประมงสูง ส่งผลให้ทรัพยากรสัตว์น้ำลดจำนวนลงเป็นอย่างมาก
ตามคำสั่งหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ที่ ๒๔/๒๕๕๘ เรื่อง การแก้ไขปัญหาการทำการประมงผิดกฎหมายขาด การรายงาน และรายการควบคุม เพิ่มเติม สั่ง ณ วันที่ ๕ สิงหาคม ๒๕๕๘ กำหนดให้เครื่องมืออวนรุนเป็นอุปกรณ์เครื่องมือทำการประมงชนิดหนึ่ง ที่ผิดกฎหมาย เป็นผลให้เรืออวนรุนทั้งหมดต้องหยุดจับสัตว์น้ำตั้งแต่วันที่ ๖ สิงหาคม 2558 เป็นต้นมา ซึ่งแต่เดิมอวนรุนที่ได้รับอาชญาบัตรจากกรมประมง อย่างถูกต้อง จำนวน 341 ลำ ได้รับความเดือดร้อนจากคำสั่งดังกล่าว รัฐบาลจึงได้กำหนดมาตรการบรรเทาความเดือดร้อนใน ๓ ทางเลือก ได้แก่
การช่วยเหลือที่ ๑ ชดเชยค่าทำการประมงให้จำนวน ๕๓ วัน รวมเป็นเงิน ๔๗.๗ ล้านบาท
การช่วยเหลือที่ ๒ ช่วยเหลือสนับสนุน ให้มีการเปลี่ยนเครื่องมือทำการประมงให้ถูกกฎหมาย โดยมีมติคณะรัฐมนตรี ให้ ธนาคารออมสิน จัดทำโครงการ “ประมงไทยก้าวไกลสู่สากล” ปล่อยสินเชื่อดอกเบี้ยต่ำในวงเงิน ๕๐๐ ล้านบาท ให้ชาวประมงไปจัดซื้อเครื่องมือทำประมงที่ถูกกฎหมาย ซึ่งมีเรือที่เข้าร่วม มาตรการนี้ จำนวน ๒๙๗ ลำ (แบ่งเป็นเรือที่ใช้เครื่องมือ อวนรุนเคย ๑๙๒ ลำ , เรืออวนลาก ๑๐๕ ลำ)
การช่วยเหลือที่ ๓ สำหรับชาวประมงที่ต้องการจะหันไปประกอบอาชีพอื่น รัฐบาลมีการช่วยเหลือด้วยการรับซื้อเรือคืนจากชาวประมงที่ต้องการจะหันไปประกอบอาชีพอื่น รัฐบาลมีการช่วยเหลือด้วยการรับซื้อเรือคืนจากชาวประมง ในราคาร้อยละ ๕๐ ของราคาประเมินเรือ ไม่คิดค่าเครื่องยนต์และอุปกรณ์อื่น ซึ่งมีเรือที่เข้าร่วมมาตรการนี้จำนวน ๔๘ ลำ จากแนวทางดังกล่าวมีเรือเข้าร่วมโครงการในมาตรการที่ ๓ จำนวน ๔๘ ลำ
กรมประมงได้นำเรือที่จัดซื้อคืนจากชาวประมง ไปจัดทำปะการังเทียม ใช้วงเงินในการจัดซื้อเหลือ จำนวน ๑๓๙ ล้านบาท จัดจ้างเอกชนมาทำความสะอาดและเทซีเมนต์เพื่อใช้เป็นน้ำหนักถ่วงเรือ จำนวน ๕.๗ ล้านบาท โดยเริ่มทำการจมเรือประมงตั้งแต่วันที่ ๑๕ ตุลาคม ๒๕๕๙ จนถึงวันที่ ๓๑ ตุลาคม ๒๕๕๙ จมไปแล้วจำนวน ๓๒ ลำ และจะทำการจมเรือเพิ่มเติมในระหว่างวันที่ ๗ พฤศจิกายน ๒๕๕๙ จนถึง ๑๕ พฤศจิกายน ๒๕๕๙ อีกจำนวน ๑๖ ลำ
แนวทางการจมเรือได้กำหนดพื้นที่ที่จัดวางปะการังเทียมและจมเรือ ได้แก่ จังหวัดปัตตานี ๒ ลำ จังหวัดสุราษฎร์ธานี ๓๐ ลำ ในบริเวณเกาะเต่าและเกาะพะงัน และจังหวัดเพชรบุรีจำนวน ๑๖ ลำ
ขั้นตอนในการจมเรือประมงเพื่อนำไปจัดทำปะการังเทียม
๑. ดำเนินการถอดอุปกรณ์ เช่น เครื่องยนต์ ใบจักร พังงา ฯลฯ
๒. เทซีเมนต์ โดยคำนวณซีเมนต์ที่ใช้เป็นสัดส่วนต่อน้ำหนักของเรือ
๓. ลากเรือประมงเข้าสู่จุดจมเรือ
๔. ปล่อยน้ำเข้าเรือ
ทั้งนี้การลดจำนวนประเภทเรืออวนรุน คาดว่าจะทำให้จำนวนทรัพยากรสัตว์น้ำทางทะเลในน่านน้ำประเทศไทยจะมีความอุดมสมบูรณ์เพิ่มมากขึ้น เป็นการรักษาทรัพยากรสัตว์น้ำให้ยั่งยืนต่อไป อันเป็นแนวทางที่ ศปมผ. จะต้องเดินหน้าแก้ปัญหาการทำการประมงผิดกฎหมายอย่างเต็มที่ต่อไป
ข้อมูล ปชส.ศปมผ. ๑๕ พ.ย.๕๙
ตามคำสั่งหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ที่ ๒๔/๒๕๕๘ เรื่อง การแก้ไขปัญหาการทำการประมงผิดกฎหมายขาด การรายงาน และรายการควบคุม เพิ่มเติม สั่ง ณ วันที่ ๕ สิงหาคม ๒๕๕๘ กำหนดให้เครื่องมืออวนรุนเป็นอุปกรณ์เครื่องมือทำการประมงชนิดหนึ่ง ที่ผิดกฎหมาย เป็นผลให้เรืออวนรุนทั้งหมดต้องหยุดจับสัตว์น้ำตั้งแต่วันที่ ๖ สิงหาคม 2558 เป็นต้นมา ซึ่งแต่เดิมอวนรุนที่ได้รับอาชญาบัตรจากกรมประมง อย่างถูกต้อง จำนวน 341 ลำ ได้รับความเดือดร้อนจากคำสั่งดังกล่าว รัฐบาลจึงได้กำหนดมาตรการบรรเทาความเดือดร้อนใน ๓ ทางเลือก ได้แก่
การช่วยเหลือที่ ๑ ชดเชยค่าทำการประมงให้จำนวน ๕๓ วัน รวมเป็นเงิน ๔๗.๗ ล้านบาท
การช่วยเหลือที่ ๒ ช่วยเหลือสนับสนุน ให้มีการเปลี่ยนเครื่องมือทำการประมงให้ถูกกฎหมาย โดยมีมติคณะรัฐมนตรี ให้ ธนาคารออมสิน จัดทำโครงการ “ประมงไทยก้าวไกลสู่สากล” ปล่อยสินเชื่อดอกเบี้ยต่ำในวงเงิน ๕๐๐ ล้านบาท ให้ชาวประมงไปจัดซื้อเครื่องมือทำประมงที่ถูกกฎหมาย ซึ่งมีเรือที่เข้าร่วม มาตรการนี้ จำนวน ๒๙๗ ลำ (แบ่งเป็นเรือที่ใช้เครื่องมือ อวนรุนเคย ๑๙๒ ลำ , เรืออวนลาก ๑๐๕ ลำ)
การช่วยเหลือที่ ๓ สำหรับชาวประมงที่ต้องการจะหันไปประกอบอาชีพอื่น รัฐบาลมีการช่วยเหลือด้วยการรับซื้อเรือคืนจากชาวประมงที่ต้องการจะหันไปประกอบอาชีพอื่น รัฐบาลมีการช่วยเหลือด้วยการรับซื้อเรือคืนจากชาวประมง ในราคาร้อยละ ๕๐ ของราคาประเมินเรือ ไม่คิดค่าเครื่องยนต์และอุปกรณ์อื่น ซึ่งมีเรือที่เข้าร่วมมาตรการนี้จำนวน ๔๘ ลำ จากแนวทางดังกล่าวมีเรือเข้าร่วมโครงการในมาตรการที่ ๓ จำนวน ๔๘ ลำ
กรมประมงได้นำเรือที่จัดซื้อคืนจากชาวประมง ไปจัดทำปะการังเทียม ใช้วงเงินในการจัดซื้อเหลือ จำนวน ๑๓๙ ล้านบาท จัดจ้างเอกชนมาทำความสะอาดและเทซีเมนต์เพื่อใช้เป็นน้ำหนักถ่วงเรือ จำนวน ๕.๗ ล้านบาท โดยเริ่มทำการจมเรือประมงตั้งแต่วันที่ ๑๕ ตุลาคม ๒๕๕๙ จนถึงวันที่ ๓๑ ตุลาคม ๒๕๕๙ จมไปแล้วจำนวน ๓๒ ลำ และจะทำการจมเรือเพิ่มเติมในระหว่างวันที่ ๗ พฤศจิกายน ๒๕๕๙ จนถึง ๑๕ พฤศจิกายน ๒๕๕๙ อีกจำนวน ๑๖ ลำ
แนวทางการจมเรือได้กำหนดพื้นที่ที่จัดวางปะการังเทียมและจมเรือ ได้แก่ จังหวัดปัตตานี ๒ ลำ จังหวัดสุราษฎร์ธานี ๓๐ ลำ ในบริเวณเกาะเต่าและเกาะพะงัน และจังหวัดเพชรบุรีจำนวน ๑๖ ลำ
ขั้นตอนในการจมเรือประมงเพื่อนำไปจัดทำปะการังเทียม
๑. ดำเนินการถอดอุปกรณ์ เช่น เครื่องยนต์ ใบจักร พังงา ฯลฯ
๒. เทซีเมนต์ โดยคำนวณซีเมนต์ที่ใช้เป็นสัดส่วนต่อน้ำหนักของเรือ
๓. ลากเรือประมงเข้าสู่จุดจมเรือ
๔. ปล่อยน้ำเข้าเรือ
ทั้งนี้การลดจำนวนประเภทเรืออวนรุน คาดว่าจะทำให้จำนวนทรัพยากรสัตว์น้ำทางทะเลในน่านน้ำประเทศไทยจะมีความอุดมสมบูรณ์เพิ่มมากขึ้น เป็นการรักษาทรัพยากรสัตว์น้ำให้ยั่งยืนต่อไป อันเป็นแนวทางที่ ศปมผ. จะต้องเดินหน้าแก้ปัญหาการทำการประมงผิดกฎหมายอย่างเต็มที่ต่อไป
ข้อมูล ปชส.ศปมผ. ๑๕ พ.ย.๕๙
Comments