เมื่อวันที่ ๑๔ ธ.ค. ๕๙ เวลา ๑๐๐๐ พลเรือเอก นริส ปทุมสุวรรณ ผู้ช่วยผู้บัญชาการทหารเรือ เป็นประธานฝ่ายกองทัพเรือในพิธีลงนามบันทึกความเข้าใจว่าด้วยความร่วมมือในการพัฒนาอู่เรือแบบยั่งยืนของราชอาณาจักรไทย โดยมี นาวาเอกพิชาเยนทร์ ตันประเสริฐ กรรมการผู้จัดการบริษัทอู่กรุงเทพ จำกัด และ Mr.Hein Van Ameijden บริษัท DAMEN Schelde Naval Shipbuilding จำกัด ร่วมลงนามฯ โดยมีพลเรือเอกยุทธนา ฟักผลงาม สมาชิกสภานิติบัญญัติแห่งชาติ และประธานคณะอนุกรรมการการภพัฒนาพาณิชยนาวีและคมนาคมทางน้ำแห่งชาติ พลเรือโทสุทธินันท์ สกุลภุชพงษ์ เจ้ากรมอู่ทหารเรือ พลเรือตรี สมารมภ์ ชั้นสุวรรณ เจ้ากรมพัฒนาการช่าง กรมอู่ทหารเรือ เป็นสักขีพยานในพิธีลงนามฯ ณ ห้องรับรอง กองบัญชาการกองทัพเรือ พระราชวังเดิม
สำหรับการลงนามข้อตกลงความเข้าใจร่วมกัน (MOU) มีวัตถุประสงค์เพื่อความเป็นการร่วมมือกันในการพัฒนาอู่เรือแบบยั่งยืน โดยกองทัพเรือ มอบหมายให้กรมอู่ทหารเรือเป็นหน่วยรับผิดชอบดำเนินโครงการพัฒนาอู่เรือแบบยั่งยืนของราชอาณาจักรไทย ซึ่งมุ่งเน้นในการแสวงหาความร่วมมือ เพื่อให้เกิดการพัฒนาขีดความสามารถในการซ่อม สร้าง และดัดแปลงเรือ ของกรมอู่ทหารเรือให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น ซึ่งสอดคล้องกับการพัฒนากองทัพเรือตามยุทธศาสตร์กองทัพเรือ พ.ศ.๒๕๕๘ – ๒๕๖๗ ที่ให้ความสำคัญกับการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน และระบบสนับสนุน และยังช่วยพัฒนาอุตสาหกรรมการเดินเรือและอู่เรือของไทย ให้ครอบคลุมพื้นที่ปฏิบัติการทั้งฝั่งอ่าวไทย และทะเลอันดามัน และสอดคล้องกับทิศทางการพัฒนาประเทศตามกรอบยุทธศาสตร์ชาติระยะ ๒๐ ปี ของรัฐบาล ที่ให้ความสำคัญกับการพัฒนาประเทศไทยให้เป็นศูนย์กลางของภูมิภาคและมุ่งเน้นการเสริมสร้างขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
ข้อมูล กรมอู่ทหารเรือ/สลก.ทร.
๑๕ ธ.ค.๕๙
สำหรับการลงนามข้อตกลงความเข้าใจร่วมกัน (MOU) มีวัตถุประสงค์เพื่อความเป็นการร่วมมือกันในการพัฒนาอู่เรือแบบยั่งยืน โดยกองทัพเรือ มอบหมายให้กรมอู่ทหารเรือเป็นหน่วยรับผิดชอบดำเนินโครงการพัฒนาอู่เรือแบบยั่งยืนของราชอาณาจักรไทย ซึ่งมุ่งเน้นในการแสวงหาความร่วมมือ เพื่อให้เกิดการพัฒนาขีดความสามารถในการซ่อม สร้าง และดัดแปลงเรือ ของกรมอู่ทหารเรือให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น ซึ่งสอดคล้องกับการพัฒนากองทัพเรือตามยุทธศาสตร์กองทัพเรือ พ.ศ.๒๕๕๘ – ๒๕๖๗ ที่ให้ความสำคัญกับการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน และระบบสนับสนุน และยังช่วยพัฒนาอุตสาหกรรมการเดินเรือและอู่เรือของไทย ให้ครอบคลุมพื้นที่ปฏิบัติการทั้งฝั่งอ่าวไทย และทะเลอันดามัน และสอดคล้องกับทิศทางการพัฒนาประเทศตามกรอบยุทธศาสตร์ชาติระยะ ๒๐ ปี ของรัฐบาล ที่ให้ความสำคัญกับการพัฒนาประเทศไทยให้เป็นศูนย์กลางของภูมิภาคและมุ่งเน้นการเสริมสร้างขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
๑๕ ธ.ค.๕๙
Comments