เนื่องในวันอนามัยโลก ประจำปี ๒๕๕๕ (๗ เมษายนของทุกปี) ในปีนี้องค์การอนามัยโลก เน้นเรื่องผู้สูงอายุกับสุขภาพเพื่อให้ทุกประเทศทั่วโลกได้ให้ความสำคัญกับการดูแลผู้สูงอายุ โดยเฉพาะด้านสุขภาพ โดยกำหนดคำขวัญว่า “ให้ความรัก พิทักษ์อนามัย ผู้สูงวัยอายุยืน”
ผู้สูงอายุ ๖๐ ปีขึ้นไป เป็นกลุ่มประชากรที่เพิ่มจำนวนรวดเร็วที่สุดระหว่างปี พ.ศ.๒๕๔๓-๒๕๙๓ โดยจำนวนผู้สูงอายุจะเพิ่มขึ้น ๒ เท่าจากร้อยละ ๑๑ หรือจำนวน ๖๐๕ ล้านคน เป็นร้อยละ ๒๒ หรือประมาณ ๒,๐๐๐ ล้านคน ใน พ.ศ.๒๕๙๓ หรือ ค.ศ.๒๐๕๐ ส่วนประเทศไทยกำลังเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุอย่างรวดเร็วเช่นกัน จากการทำสำมะโนประชากรประเทศไทยของสำนักงานสถิติแห่งชาติ ในปี ๒๕๕๓ ประเทศไทยมีผู้สูงอายุกว่า ๘.๕ ล้านคน คิดเป็นร้อยละ ๑๓ ของประชากรที่มีทั้งหมด ๖๕.๙ ล้านคน หากอัตราการมีบุตรยังเป็นเช่นนี้ คาดว่าในปี ๒๕๙๓ ผู้สูงอายุจะเพิ่มเป็นร้อยละ ๓๐
กระทรวงสาธารณสุขจึงสั่งการให้สถานบริการในสังกัดทุกแห่งจัดระบบการดูแลผู้สูงอายุและผู้พิการทั้งในสถานบริการและในชุมชน เริ่มตั้งแต่วันที่ ๑ เมษายน ๒๕๕๕ เป็นต้นไป โดยโรงพยาบาลทุกแห่ง ต้องมีการปรับปรุงอาคารสถานที่ทั้งห้องน้ำ ทางลาด ที่จอดรถให้ผู้สูงอายุใช้ได้อย่างปลอดภัยและให้เปิดช่องบริการทางด่วน “๗๐ ปีไม่มีคิว” ทุกจุดบริการทั้งห้องบัตร ห้องตรวจ ห้องยา เพื่อให้ผู้สูงอายุได้รับบริการที่สะดวก และมีหน่วยบริการพิเศษผู้สูงอายุ ได้แก่ บริการให้คำปรึกษา ชมรมผู้สูงอายุและบริการตรวจประเมินสุขภาพ ส่วนการดูแลผู้สูงอายุให้ชุมชน จะมีเจ้าหน้าที่สาธารณสุขทำงานเชิงรุก โดยให้สถานบริการทุกแห่ง สำรวจจำนวนผู้สูงอายุทุกหมู่บ้าน ชุมชนทุกแห่ง ตรวจคัดกรองสุขภาพกายและใจให้เสร็จภายในเดือนพฤษภาคม ๒๕๕๕ และขึ้นทะเบียนให้ถูกต้องชัดเจน เพื่อติดตามเยี่ยมเยียนดูแลได้อย่างทั่วถึง รวมทั้งจะมีช่องทางให้บริการดูแลปรึกษาทางโทรศัพท์ กรณีที่ป่วยฉุกเฉินและจะจัดบริการด่วน ๑๖๖๙ จัดรถพยาบาลนำส่งโรงพยาบาลฟรี
ข้อมูล นสพ.แนวหน้า
๒๕ เม.ย.๕๕
Comments