ความคืบหน้าการก่อสร้างพระเมรุในพระราชพิธีพระราชทานเพลิงพระศพ สมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอ เจ้าฟ้ากัลยาณิวัฒนา กรมหลวงนราธิวาสราชนครินทร์ ได้รับความสนใจจากประชาชนจำนวนมากที่ให้ความสนใจ อยากเห็นการทำงานและอยากชมความงามของศิลปกรรมไทยที่ใช้ในการก่อสร้างครั้งนี้
กระทรวงวัฒนธรรมจึงได้เปิดโอกาสให้ประชาชนเข้าชมได้เฉพาะวันอาทิตย์ เริ่มตั้งแต่เวลา ๐๙๓๐ วันละ ๓ รอบ รอบละไม่เกิน ๕๐ คน พบกันจุดแรกที่พิพิธภัณฑ์สถานแห่งชาติ ชมวีดิทัศน์และการทำงานของกองสรรพาวุธก่อนไปชมต่อที่สนามหลวงโดยกำหนดจุดให้ผู้ชมอยู่บริเวณนอกทั้งหมด ๓ จุด ประกอบด้วย
จุดแรกทางด้านเหนือ ผู้เข้าชมจะเห็นสภาพโดยรวมของอาคารทั้งหมด ซึ่งจะเห็นพระเมรุอยู่ตรงกลาง เมื่อเข้ามาด้านขวา จะเป็นอาคารพลับพลายก ๓ หลัง คือ ที่ท้องสนามหลวง นอกรั้วราชวัติ ด้าน ทิศเหนือ ๑ หลัง หน้าพระที่นั่งพุทไธสวรรค์ ๑ หลัง และหน้าวัดพระเชตุพลวิมลมังคลารามอีก ๑ หลัง ถัดมาเป็นทับเกษตร อาคารที่ปลูกริมแนวรั้วราชวัติ สร้างเป็นอาคารโถงหลังคาทรงประรำ (หลังคาแบน) ใช้เป็นสถานที่สำหรับข้าราชการที่มาร่วมพระราชพิธีได้พักและฟังสวดพระอภิธรรม ใกล้กันนั้นเป็นอาคาร ที่เรียกว่าทิม มีจำนวน ๘ หลัง
จุดที่ ๒ ด้านตะวันออก จุดนี้ผู้ชมจะเห็นหอเปลื้องที่ตั้งอยู่ตรงมุขหลังของพระเมรุเป็นอาคารขนาดเล็กภายในเขตราชวัติหันหน้าเข้าหาพระเมรุ ใช้เป็นสถานที่สำหรับเก็บพระโกศ หลังจากได้เชิญพระศพขึ้นประดิษฐานบนจิตกาธานแล้ว จะได้เป็นที่เก็บสัมภาระต่างๆ ในการพระราชพิธีธรรมสวดพระอภิธรรม สำหรับพระเมรุจะตั้งอยู่ตรงกลาง เป็นกุฎาคารเรือนยอด ประธานมณฑลหันหน้าไปทางทิศตะวันตก เป็นพระเมรุทรงประสาทจัตุรมุขย่อมุมไม้สิบสองยอดปักพระสัตปตปฎลเศวตฉัตร องค์พระเมรุทั้งด้านในและด้านนอกประดับตกแต่งด้วยผ้าทองย่นเกือบทั้งหมด ใช้สีทองเป็นหลัก
จุดที่ ๓ ฝั่งทางทิศใต้ เป็นอาคาร ๓ หลัง ใช้ทำงานในส่วนของการสร้างชิ้นงานประกอบพระเมรุ มีวิทยากรซึ่งเป็นช่างศิลปกรรม บรรยายการทำงานและความสำคัญของชิ้นงานในแต่ละส่วน
การเข้าชม ๓ จุด ใช้เวลาประมาณ ๑ ชั่วโมง และผู้ชมจะได้รับคู่มือประกอบการชมพร้อมกับหนังสือเกี่ยวกับสมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอ เจ้าฟ้ากัลยาณิวัฒนา กรมหลวงนราธิวาสราชนครินทร์ด้วย ผู้สนใจเข้าชม ควรแต่งกายสุภาพ สวมรองเท้าหุ้มส้นหรือรัดส้น ไม่สวมกางเกงขาสั้น ไม่สวมเสื้อยืดและเสื้อสายเดี่ยว และสามารถแสดงความจำนงได้ที่ฝ่ายประชาสัมพันธ์ กระทรวงวัฒนธรรม หมายเลขโทรศัพท์ ๐ ๒๔๒๒ ๘๘๕๑-๗
ข่อมูล นสพ.เดลินิวส์
๕ ก.ย.๕๑
กระทรวงวัฒนธรรมจึงได้เปิดโอกาสให้ประชาชนเข้าชมได้เฉพาะวันอาทิตย์ เริ่มตั้งแต่เวลา ๐๙๓๐ วันละ ๓ รอบ รอบละไม่เกิน ๕๐ คน พบกันจุดแรกที่พิพิธภัณฑ์สถานแห่งชาติ ชมวีดิทัศน์และการทำงานของกองสรรพาวุธก่อนไปชมต่อที่สนามหลวงโดยกำหนดจุดให้ผู้ชมอยู่บริเวณนอกทั้งหมด ๓ จุด ประกอบด้วย
จุดแรกทางด้านเหนือ ผู้เข้าชมจะเห็นสภาพโดยรวมของอาคารทั้งหมด ซึ่งจะเห็นพระเมรุอยู่ตรงกลาง เมื่อเข้ามาด้านขวา จะเป็นอาคารพลับพลายก ๓ หลัง คือ ที่ท้องสนามหลวง นอกรั้วราชวัติ ด้าน ทิศเหนือ ๑ หลัง หน้าพระที่นั่งพุทไธสวรรค์ ๑ หลัง และหน้าวัดพระเชตุพลวิมลมังคลารามอีก ๑ หลัง ถัดมาเป็นทับเกษตร อาคารที่ปลูกริมแนวรั้วราชวัติ สร้างเป็นอาคารโถงหลังคาทรงประรำ (หลังคาแบน) ใช้เป็นสถานที่สำหรับข้าราชการที่มาร่วมพระราชพิธีได้พักและฟังสวดพระอภิธรรม ใกล้กันนั้นเป็นอาคาร ที่เรียกว่าทิม มีจำนวน ๘ หลัง
จุดที่ ๒ ด้านตะวันออก จุดนี้ผู้ชมจะเห็นหอเปลื้องที่ตั้งอยู่ตรงมุขหลังของพระเมรุเป็นอาคารขนาดเล็กภายในเขตราชวัติหันหน้าเข้าหาพระเมรุ ใช้เป็นสถานที่สำหรับเก็บพระโกศ หลังจากได้เชิญพระศพขึ้นประดิษฐานบนจิตกาธานแล้ว จะได้เป็นที่เก็บสัมภาระต่างๆ ในการพระราชพิธีธรรมสวดพระอภิธรรม สำหรับพระเมรุจะตั้งอยู่ตรงกลาง เป็นกุฎาคารเรือนยอด ประธานมณฑลหันหน้าไปทางทิศตะวันตก เป็นพระเมรุทรงประสาทจัตุรมุขย่อมุมไม้สิบสองยอดปักพระสัตปตปฎลเศวตฉัตร องค์พระเมรุทั้งด้านในและด้านนอกประดับตกแต่งด้วยผ้าทองย่นเกือบทั้งหมด ใช้สีทองเป็นหลัก
จุดที่ ๓ ฝั่งทางทิศใต้ เป็นอาคาร ๓ หลัง ใช้ทำงานในส่วนของการสร้างชิ้นงานประกอบพระเมรุ มีวิทยากรซึ่งเป็นช่างศิลปกรรม บรรยายการทำงานและความสำคัญของชิ้นงานในแต่ละส่วน
การเข้าชม ๓ จุด ใช้เวลาประมาณ ๑ ชั่วโมง และผู้ชมจะได้รับคู่มือประกอบการชมพร้อมกับหนังสือเกี่ยวกับสมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอ เจ้าฟ้ากัลยาณิวัฒนา กรมหลวงนราธิวาสราชนครินทร์ด้วย ผู้สนใจเข้าชม ควรแต่งกายสุภาพ สวมรองเท้าหุ้มส้นหรือรัดส้น ไม่สวมกางเกงขาสั้น ไม่สวมเสื้อยืดและเสื้อสายเดี่ยว และสามารถแสดงความจำนงได้ที่ฝ่ายประชาสัมพันธ์ กระทรวงวัฒนธรรม หมายเลขโทรศัพท์ ๐ ๒๔๒๒ ๘๘๕๑-๗
ข่อมูล นสพ.เดลินิวส์
๕ ก.ย.๕๑
Comments