พญ.พรรณพิมล วิปุลากร รองอธิบดีกรมสุขภาพจิต กล่าวว่า ขณะนี้คนไทยนิยมใช้โทรศัพท์มือถือในชีวิตประจำวัน จนก่อให้เกิดอาการ “โนโมบายโฟนโฟเบีย (No Mobile Phone Phobia)” หรือเรียกว่า โมโนโฟเบีย คือ อาการขาดมือถือไม่ได้ ซึ่งจัดอยู่ในกลุ่มอาการวิตกกังวล เช่น ผู้ที่มีมือถือแต่ใช้การไม่ได้ เนื่องจากอยู่ในที่ที่ไม่มีสัญญาณ หรือแบตเตอรี่หมด จะรู้สึกหงุดหงิด กระวนกระวาย บางรายหากเป็นมาก อาจเครียด ตัวสั่น เหงื่อออก และคลื่นไส้ได้ สำหรับข้อสังเกตของผู้ที่มีอาการโมโนโฟเบีย คือ มักพกโทรศัพท์มือถือติดตัวตลอดเวลา จะรู้สึกกังวลใจหากมือถือไม่อยู่กับตัว หมกมุ่นอยู่กับการเช็กข้อความ หรือข้อมูลในมือถือตลอดเวลา และดูโทรศัพท์บ่อยๆ แม้ไม่มีเรื่องด่วน เมื่อได้ยินเสียงเตือนเข้ามาจะวางงานเพื่อเช็กข้อความในมือถือทันที เล่นมือถือก่อนนอน หลังตื่นนอน หรือขณะทำกิจกรรมประจำวัน เช่น ทานอาหาร, เข้าห้องน้ำ, ขับรถ หรือนั่งรถ ไม่เคยปิดมือถือ ใช้เวลาพูดคุยกับเพื่อนในโลกออนไลน์มากกว่าคุยกับเพื่อนที่อยู่ตรงหน้า ซึ่งพฤติกรรมดังกล่าวอาจส่งผลกระทบต่อการทำงาน การเรียน การใช้ชีวิตประจำวัน ทำให้เกิดอาการข้างเคียงหลายอย่าง เช่น นิ้วล็อก, สายตาเสื่อมเร็ว, กล้ามเนื้อที่คอ บ่า ไหล่เกร็ง และปวดเมื่อยจากการก้มหน้าเพ่งจอเป็นเวลานาน นอกจากนี้ ยังทำให้หมอนรองกระดูกที่คอเสื่อมก่อนวัยอันควร อาจทำให้เส้นประสาทสันหลังที่บริเวณส่วนคอถูกกดทับ, เกิดอาการชาที่แขน มือไม่มีแรง, เดินโคลงเคลงเหมือนจะล้ม และอาจเกิดโรคอ้วนได้ง่ายจากการนั่งอยู่กับที่นานๆ
พญ.พรรณพิมล กล่าวว่า การป้องกันโรคนี้ จึงจำเป็นต้องสร้างวินัยในการใช้มือถือ โดยควรใช้เท่าที่จำเป็น และทำกิจกรรมอื่นทดแทน เช่น อ่านหนังสือ, ออกกำลังกาย ถ้ารู้สึกเหงาให้หาเพื่อนคุยแทนการสนทนาผ่านทางหน้าจอโทรศัพท์ ตั้งกฎว่าจะไม่แตะต้องมือถือภายในเวลาที่กำหนด เช่น ๓๐ นาที หรือ ๑ ชั่วโมง แล้วค่อยๆ เพิ่มเวลาห่างมือถือให้มากขึ้น หรือกำหนดให้ห้องนอนเป็นเขตปลอดมือถือ ทั้งนี้ ผลสำรวจทั่วโลก พบว่า คนที่เกิดอาการโนโมโฟเบีย ส่วนใหญ่เป็นวัยรุ่นมากกว่าวัยทำงาน เป็นผู้หญิงมากกว่าผู้ชาย เนื่องจากวัยรุ่นเป็นวัยที่มีเพื่อนมาก ชอบเล่นเกม ชอบเที่ยว ชอบทำกิจกรรมมากมาย จึงส่งข้อมูลผ่านมือถือถึงกันบ่อยๆ
สำหรับประเทศไทย ผลสำรวจของสมาคมโฆษณาดิจิตอลปี ๒๕๕๗ พบว่า มีผู้ใช้บริการโทรศัพท์มือถือ ๙๔.๓ ล้านเครื่อง เพิ่มขึ้นจากปี ๒๕๕๖ ถึง ๕.๔ ล้านเครื่อง
ข้อมูล เว็บไซต์ผู้จัดการ
๓๑ ส.ค.๕๘
กระทรวงศึกษาธิการและกระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร มอบหมายให้สำนักงานส่งเสริมอุตสาหกรรมซอฟแวร์แห่งชาติ (องค์การมหาชน) เตรียมบรรจุเพลงสุนทราภรณ์ลงในเครื่องแท็บเล็ต เพื่อจัดส่งให้โรงงานผู้ผลิตสำหรับนำมาแจกนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ ๑ จำนวน ๑,๐๐๐,๐๐๐ เครื่อง โดยได้นำ ๕ บทเพลงพระราชนิพนธ์จากชุดแผ่นดินของเรา คือ พรปีใหม่ ชะตาชีวิต ความฝันอันสูงสุด ยิ้มสู้ และรัก บรรจุลงไปด้วยเพื่อให้เยาวชนได้ร่วมซาบซึ้งถึงพระอัจฉริยภาพทางดนตรีที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวพระราชนิพนธ์ขึ้น เพลงพระราชนิพนธ์ชุด “ แผ่นดินของเรา ” จัดทำโดย มูลนิธิสุนทรภรณ์และบริษัท เมโทรแผ่นเสียง – เทป (๑๙๘๑)จำกัด โดยอัญเชิญบทเพลงพระราชนิพนธ์ ๑๕ บทเพลง มาขับร้องใหม่ มีทั้งนักร้องจากวงสุนทราภรณ์และนักร้องคลื่นลูกใหม่ของวงสุนทราภรณ์ บทเพลงชุดนี้จะนำพลังการขับร้องหมู่มาสร้างความโดดเด่น ส่วนการเรียบเรียงเสียงประสาน จะยึดตามโน้ตและคอร์ดที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวพระราชนิพนธ์ไว้ และบทเพลงชุดนี้มีการนำเอกลักษณ์ของสุนทราภรณ์มาผสานกับพระอัจฉริยภาพทางดนตรีของพระบาทสมเ...
Comments