กทม.ร่วมกับกรมส่งเสริมคุณภาพสิ่งแวดล้อม และกลุ่มบริษัทเซ็นทรัล ทำโครงการประกวดสร้างสรรค์สิ่งประดิษฐ์จากวัสดุเหลือใช้ในปี ๒๕๕๓ เพื่อส่งเสริมและสนับสนุนให้มีการใช้ทรัพยากรที่มีอยู่อย่างคุ้มค่าด้วยการนำวัสดุเหลือใช้มาดัดแปลงให้เกิดประโยชน์ใหม่ ตลอดจนพัฒนาแนวความคิดและการออกแบบผลิตภัณฑ์ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม นำไปสู่การพัฒนาในเชิงพาณิชย์มากขึ้น อีกทั้งเป็นการรณรงค์ให้ประชาชนเห็นความสำคัญกับวัสดุเหลือใช้ทั่วไป เป็นการลดปริมาณขยะด้วยการนำมารีไซเคิล
โครงการดังกล่าว แบ่งเป็น ๒ ประเภท คือ ๑. ประเภทสิ่งประดิษฐ์จากวัสดุเหลือใช้ แบ่งการประกวดเป็น ๔ ระดับ ได้แก่ ประถมศึกษา มัธยมศึกษา/ปวช. ปวส./อุดมศึกษาและประชาชนทั่วไป ๒. ประเภทเครื่องแต่งกายจากวัสดุเหลือใช้ แบ่งเป็นระดับนักเรียน นักศึกษาประชาชนทั่วไป ผลงานที่ส่งเข้าประกวดต้องประดิษฐ์จากวัสดุเหลือใช้ทั่วไป ประเภทแก้ว กระดาษ โลหะ พลาสติก เป็นต้น และต้องเป็นผลงานรายบุคคล ไม่เคยผ่านการประกวดหรือได้รับรางวัลจากการประกวดใดๆ มาก่อน และไม่มีวางขายในท้องตลาด เกณฑ์การตัดสินเน้นที่ความคิดริเริ่มสร้างสรรค์ และการสร้างนวัตกรรมใหม่สวยงาม การนำไปใช้ประโยชน์ได้จริง เป็นต้น
ผู้สนใจสามารถยื่นใบสมัครพร้อมส่งผลงานเข้าประกวดได้ตั้งแต่วันนี้ถึง ๓๐ กรกฎาคม ๒๕๕๓ ในวัน เวลาราชการ สอบถามได้ที่กลุ่มงานส่งเสริมการมีส่วนร่วมของประชาชน กองนโยบายและแผน สำนักสิ่งแวดล้อม หมายเลขโทรศัพท์ ๐ ๒๒๔๕ ๗๔๖๖
ข้อมูล นสพ.ไทยรัฐ
๙ ก.ค.๕๓
โครงการดังกล่าว แบ่งเป็น ๒ ประเภท คือ ๑. ประเภทสิ่งประดิษฐ์จากวัสดุเหลือใช้ แบ่งการประกวดเป็น ๔ ระดับ ได้แก่ ประถมศึกษา มัธยมศึกษา/ปวช. ปวส./อุดมศึกษาและประชาชนทั่วไป ๒. ประเภทเครื่องแต่งกายจากวัสดุเหลือใช้ แบ่งเป็นระดับนักเรียน นักศึกษาประชาชนทั่วไป ผลงานที่ส่งเข้าประกวดต้องประดิษฐ์จากวัสดุเหลือใช้ทั่วไป ประเภทแก้ว กระดาษ โลหะ พลาสติก เป็นต้น และต้องเป็นผลงานรายบุคคล ไม่เคยผ่านการประกวดหรือได้รับรางวัลจากการประกวดใดๆ มาก่อน และไม่มีวางขายในท้องตลาด เกณฑ์การตัดสินเน้นที่ความคิดริเริ่มสร้างสรรค์ และการสร้างนวัตกรรมใหม่สวยงาม การนำไปใช้ประโยชน์ได้จริง เป็นต้น
ผู้สนใจสามารถยื่นใบสมัครพร้อมส่งผลงานเข้าประกวดได้ตั้งแต่วันนี้ถึง ๓๐ กรกฎาคม ๒๕๕๓ ในวัน เวลาราชการ สอบถามได้ที่กลุ่มงานส่งเสริมการมีส่วนร่วมของประชาชน กองนโยบายและแผน สำนักสิ่งแวดล้อม หมายเลขโทรศัพท์ ๐ ๒๒๔๕ ๗๔๖๖
ข้อมูล นสพ.ไทยรัฐ
๙ ก.ค.๕๓
Comments