นนี้ (15 มกราคม 2559) เวลา 13.40 น. ศูนย์บัญชาการแก้ไขปัญหาการทำการประมงผิดกฎหมาย (ศปมผ.) กำหนดจัดให้มีการลงนามระหว่างหน่วยงานภาครัฐและผู้ประกอบการ จำนวน 36 หน่วยงาน บันทึกข้อตกลงความร่วมมือในการไม่ซื้อ นำเข้า ส่งออก นำผ่าน จำหน่าย ซึ่งสัตว์น้ำและผลิตภัณฑ์สัตว์น้ำที่ได้จากการทำประมงผิดกฎหมาย การใช้แรงงานผิดกฎหมาย และการค้ามนุษย์มาผลิตในอุตสาหกรรมแปรรูปสัตว์น้ำ และจัดจำหน่ายเป็นสินค้าอาหารทะเล โดยมี พลเรือเอก ณะ อารีนิจ ผู้บัญชาการทหารเรือ ในฐานะผู้บัญชาการศูนย์บัญชาการแก้ไขปัญหาการทำการประมงผิดกฎหมาย เป็นประธานในการลงนามฯ ณ ห้องรับรอง 1 ชั้น 2 กองบัญชาการกองทัพเรือ วังนันทอุทยาน ถนนอิสรภาพเขตบางกอกน้อย กรุงเทพฯ การลงนามระหว่างหน่วยงานภาครัฐและผู้ประกอบการ บันทึกข้อตกลงความร่วมมือในการไม่ซื้อ นำเข้า ส่งออก นำผ่าน จำหน่าย ซึ่งสัตว์น้ำและผลิตภัณฑ์สัตว์น้ำที่ได้จากการทำประมงผิดกฎหมาย การใช้แรงงานผิดกฎหมาย และการค้ามนุษย์ มาผลิตในอุตสาหกรรมแปรรูปสัตว์น้ำ และจัดจำหน่ายเป็นสินค้าอาหารทะเล โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อแก้ไขปัญหากระบวนการด้านประมงตั้งแต่ต้นทางจนถึงปลายทางให้สินค้าที่เกี่ยวข้องกับการประมงทั้งหมดมีมาตรฐานสากล อันจะเป็นที่ยอมรับของนานาประเทศ ซึ่งหน่วยงานภาครัฐและผู้ประกอบการได้ตระหนักถึงความสำคัญ และเห็นชอบร่วมมือกัน ในการแก้ไขปัญหาอย่างถึงที่สุด โดยมีข้อกำหนด ดังนี้
1. ให้หน่วยงานภาครัฐ และผู้ประกอบการ ร่วมมือกันในการรักษามาตรฐานการประกอบการที่โปร่งใส ตรวจสอบได้ในทุกขั้นตอน และให้มีการประมงอย่างยั่งยืน โดยผู้ประกอบการจะไม่ซื้อ นำเข้า ส่งออก นำผ่าน จำหน่าย ซึ่งสัตว์น้ำ และผลิตภัณฑ์สัตว์น้ำ ที่ได้จากการทำประมงผิดกฎหมาย การใช้แรงงานผิดกฎหมาย และการค้ามนุษย์ มาผลิตในอุตสาหกรรมแปรรูปสัตว์น้ำ และจัดจำหน่ายเป็นสินค้าอาหารทะเล รวมทั้งจะปฏิบัติตามกฎหมายที่เกี่ยวกับการประมง แรงงาน และการค้ามนุษย์อย่างเคร่งครัด และส่งมอบข้อมูลที่เกี่ยวข้องให้แก่หน่วยงานภาครัฐ
2. ให้ทั้งสองฝ่ายตกลงร่วมมือกันในการแลกเปลี่ยนความรู้ จัดกิจกรรม จัดให้มีการบรรยายทางวิชาการ การฝึกอบรม และการศึกษาวิจัยในหัวข้อและโครงการที่เหมาะสมสำหรับหน่วยงานที่ร่วมลงนาม MOU จำนวน 34 หน่วยงาน ประกอบด้วย
1. หน่วยงานภาครัฐ จำนวน 12 หน่วยงาน
- ศูนย์บัญชาการแก้ไขปัญหาการทำประมงผิดกฎหมาย
- ศูนย์ประสานการปฏิบัติในการรักษาผลประโยชน์แห่งชาติทางทะเล (ศรชล.)
- กระทรวงพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์
- กระทรวงแรงงาน
- กองบังคับการปราบปรามการค้ามนุษย์
- สำนักงานอัยการสูงสุด
- กรมสอบสวนคดีพิเศษ
- กรมประมง
- กรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง
- กรมเจ้าท่า
- กรมศุลากากร
- กองบังคับการตำรวจน้ำ
2. องค์กรภาคเอกชน 19 หน่วยงาน
- สมาคมอาหารแช่เยือกแข็งไทย
- สมาคมการประมงนอกน่านน้ำไทย
- สมาคมการประมงแห่งประเทศไทย
- สมาคมการประมงทะเลไทย
- สมาคมอุตสาหกรรรมทูน่าไทย
- บริษัท ไทยยูเนี่ยน กรุ๊ป จำกัด (มหาชน)
- บริษัท ยูเนี่ยนโฟรเซน โปรดักส์ จำกัด
- บริษัท อันดามัน ซีฟู้ด จำกัด
- บริษัท ห้องเย็นกู้ดฟอร์จูน จำกัด
- บริษัท แปซิฟิคแปรรูปสัตว์น้ำ จำกัด
- บริษัท เซียนหนิง ซีฟู้ด จำกัด
- บริษัท องกรณ์ห้องเย็น จำกัด
- บริษัท ห้องเย็นเอเชี่ยนซีฟู้ด จำกัด (มหาชน)
- บริษัท มารีนโกลด์โปรดัก จำกัด
- บริษัท เจริญโภคภัณฑ์อาหาร จำกัด (มหาชน)
- บริษัท แพ็คฟู้ด จำกัด (มหาชน)
- บริษัท ไทยรอแยลฟรอเซนฟู้ด จำกัด
- บริษัท เมย์โอฟู้ดส์ จำกัด
- บริษัท พัฒนาโฟรเซ่นฟู้ด
3. องค์กรที่เป็นกลาง ลงนามในฐานะพยาน
- มูลนิธิเครือข่ายส่งเสริมคุณภาพชีวิตแรงงาน
ทั้งนี้ องค์การแรงงานระหว่างประเทศ ได้มาร่วมสังเกตุการณ์ในพิธีลงนามในครั้งนี้ด้วย
--สน.ปชส.ศปมผ.
15มค.59
ศูนย์บริการแบบเบ็ดเสร็จข้าราชการกองทัพเรือนอกประจำการ ได้เปิดที่ทำการอาคารศูนย์แบบเบ็ดเสร็จข้าราชการกองทัพเรือนอกประจำการ ( One Stop Service : OSS) หรืออาคารสภาเรือแห่งใหม่ ซึ่งตั้งอยู่บริเวณพื้นที่วังนันทอุทยาน ถนนอิสรภาพ เขตบางกอกน้อย กรุงเทพมหานคร โดยเป็นศูนย์บริการแบบเบ็ดเสร็จข้าราชการกองทัพเรือนอกประจำการเพื่อช่วยเหลือ แนะนำ และอำนวยความสะดวกแก่ข้าราชการกองทัพเรือที่ลาออกจากราชการและเกษียณอายุราชการ รวมทั้งทายาท ให้สามารถเข้าถึงการบริการด้านสิทธิกำลังพลได้อย่างสะดวกและรวดเร็วโดยการรวมจุดบริการมาไว้เพียงจุดเดียว อาทิ การเบิกเบี้ยเลี้ยงเดินทางและค่ารักษาพยาบาล ฯลฯ ซึ่งถือเป็นการพัฒนาคุณภาพการสวัสดิการและการบริการให้กับกำลังพลและครอบครัว เพื่อให้มีขวัญกำลังใจและคุณภาพชีวิตที่ดี โดยได้มีพิธีวางศิลาฤกษ์อาคารสภาเรือ เมื่อวันที่ 4 ส.ค.60 ที่ผ่านมา และเรียนเชิญผู้บัญชาการทหารเรือ หรือผู้แทน เป็นประธานในพิธีเปิดอาคาร ศูนย์แบบเบ็ดเสร็จข้าราชการกองทัพเรือนอกประจำการ ในวันที่ 8 พ.ค.61 สำหรับอาคารสภาเรือ ที่สร้างขึ้นนี้ มีรูปแบบการดำเนินการ ใน 3 ส่วนคือ 1. ด...
Comments