รัฐบาลช่วยเหลือบรรเทาความเดือดร้อนพี่น้องเรือประมงอวนรุน เพื่อประมงไทยที่ยั่งยืน

          ตามคำสั่งหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติที่ ๒๔/๒๕๕๘ เรื่อง การแก้ไขปัญหาการทำการประมงผิดกฎหมาย ขาดการรายงาน และไร้การควบคุม เพิ่มเติม สั่ง ณ วันที่ ๕ สิงหาคม ๒๕๕๘ กำหนดให้เครื่องมืออวนรุนเป็นอุปกรณ์เครื่องมือทำการประมงชนิดหนึ่ง ที่ผิดกฎหมาย เป็นผลให้เรืออวนรุนทั้งหมดต้องหยุดจับสัตว์น้ำตั้งแต่วันที่ ๖ สิงหาคม ๒๕๕๘ เป็นต้นมา 

          แต่เดิมเรืออวนรุนที่ได้รับอาชญาบัตรจากกรมประมงอย่างถูกต้องจำนวน ๓๔๑ ลำ ได้รับความเดือดร้อนจากคำสั่งดังกล่าว รัฐบาลจึงได้กำหนดมาตรการบรรเทาความเดือดร้อนใน ๓ ทางเลือก ได้แก่
                การช่วยเหลือที่ ๑ ชดเชยค่าทำการประมงให้จำนวน ๕๓ วัน รวมเป็นเงิน ๔๗.๗ ล้านบาท 
                การช่วยเหลือที่ ๒ ช่วยเหลือสนับสนุน ให้มีการเปลี่ยนเครื่องมือทำการประมงให้ถูกกฎหมาย โดยมีมติคณะรัฐมนตรีให้ธนาคารออมสิน จัดทำโครงการ "ประมงไทยก้าวไกลสู่สากล" ปล่อยสินเชื่อดอกเบี้ยต่ำในวงเงิน ๕๐๐ ล้านบาท ให้ชาวประมงไปจัดซื้อเครื่องมือทำประมงที่ถูกกฎหมาย 
                การช่วยเหลือที่ ๓ สำหรับชาวประมงที่ต้องการจะหันไปประกอบอาชีพอื่น รัฐบาลมีการช่วยเหลือด้วยการรับซื้อเรือคืนจากชาวประมง ในราคาร้อยละ ๕๐ ของราคาประเมินเรือ ไม่คิดค่าเครื่องยนต์และอุปกรณ์อื่นมีเรือเข้าโครงการจำนวน ๔๘ ลำ กรมประมงได้นำเรือที่จัดซื้อคืนจากชาวประมง ไปจัดทำปะการังเทียม ใช้วงเงินในการจัดซื้อเหลือจำนวน ๑๓๙ ล้านบาท จัดจ้างเอกชนมาทำความสะอาดและเทซีเมนต์ เพื่อให้เป็นน้ำหนักถ่วงเรือ จำนวน ๕.๗ ล้านบาท

          เริ่มทำการจมเรือประมงตั้งแต่วันที่ ๑๕ ตุลาคม ๒๕๕๙ จนถึงวันที่ ๓๑ ตุลาคม ๒๕๕๙ จมไปแล้วจำนวน๓๒ ลำ และจะทำการจมเรือเพิ่มเติมในระหว่างวันที่ ๗ พฤศจิกายน ๒๕๕๙ จนถึง ๑๕ พฤศจิกายน ๒๕๕๙ อีกจำนวน ๑๖ ลำ พื้นที่ที่จัดวางปะการังเทียมและจมเรือได้แก่ จังหวัดปัตตานี ๒ ลำ จังหวัดสุราษฎร์ธานี ๓๐ ลำ ในบริเวณเกาะเต่าและเกาะพะงัน และจังหวัดเพชรบุรีจำนวน ๑๖ ลำ 
          ทั้งนี้การลดจำนวนประเภทเรืออวนรุน คาดว่าจะทำให้จำนวนทรัพยากรสัตว์น้ำทางทะเลในน่านน้ำประเทศไทยจะมีความอุดมสมบูรณ์เพิ่มมากขึ้น เป็นการรักษาสืบทอดทรัพยากร ให้ยังยืนต่อไป ศปมผ.       เดินหน้าแก้ปัญหาการทำการประมงผิดกฎหมายอย่างเต็มที่
                                                                                                   
                                                                                                        ข้อมูล สน.ปชส.ศปมผ. ๑ พ.ย.๕๙