กองทัพเรือกำหนดจัดพิธีบำเพ็ญกุศลเนื่องในวันมหิดล ประจำปี ๒๕๕๙ ในวันที่ ๒๔ ก.ย.๕๙ เวลา ๐๙๐๐ ณ อู่ราชนาวีมหิดลอดุลยเดช กรมอู่ทหารเรือ อำเภอสัตหีบ จังหวัดชลบุรี โดยมี พลเรือเอก นริส ประทุมสุวรรณ ผู้บัญชาการกองเรือยุทธการ ผู้แทนผู้บัญชาการทหารเรือ เป็นประธานในพิธีวางพวงมาลาถวายสักการะ บริเวณพระราชานุสาวรีย์จอมพลเรือ สมเด็จพระมหิตลาธิเบศร อดุลยเดชวิกรม พระบรมราชชนก และพิธีบำเพ็ญกุศล ณ ห้องประชุมใหญ่ ชั้น ๒ กองบัญชาการอู่ราชนาวีมหิดลอดุลยเดช กรมอู่ทหารเรือ โดยมีหัวหน้าหน่วยขึ้นตรงกองทัพเรือในพื้นที่สัตหีบ ผู้แทนหน่วยราชการ และผู้แทนภาคเอกชน ร่วมพิธีฯ
ทั้งนี้ วันที่ ๒๔ กันยายนของทุกปี เป็นวันคล้ายวันสวรรคตของจอมพลเรือ สมเด็จพระมหิตลาธิเบศร อดุลยเดชวิกรม พระบรมราชชนก “พระบิดาแห่งการแพทย์แผนปัจจุบันของไทย” โดยคณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล ได้กำหนดวันอันเป็นที่ระลึกสำคัญนี้ว่า “วันมหิดล”
จอมพลเรือ สมเด็จพระมหิตลาธิเบศร อดุลยเดชวิกรม พระบรมราชชนก เป็นพระราชโอรสใน พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ ๕ หลังสำเร็จการศึกษาจากประเทศเยอรมันในปีพุทธศักราช ๒๔๕๖ ได้เสด็จพระราชดำเนินกลับประเทศไทย และเข้ารับราชการในกระทรวงทหารเรือ ขณะรับราชการในกระทรวงทหารเรือ พระองค์ทรงริเริ่มแนวคิดในการจัดเตรียมกำลังเรือ ส หรือ เรือดำน้ำ ในการป้องกันอ่าวไทย จนเป็นที่มาของการจัดหาเรือดำน้ำเข้าประจำการ จำนวน ๔ ลำ อีกทั้งพระราชดำรินานัปการที่พระราชทานไว้นับเป็นขุมทรัพย์ทางปัญญาอันเปี่ยมไปด้วยคุณค่า ซึ่งต่อมาได้กลายเป็นต้นแบบทางความคิดของทหารเรือไทยในปัจจุบัน ทั้งยังเป็นปัจจัยสำคัญอย่างยิ่งที่ช่วยสร้างความเจริญก้าวหน้าให้แก่กองทัพเรือในทุกๆ ด้าน
ในเวลาต่อมา พระองค์ทรงลาออกจากราชการ และเสด็จพระราชดำเนินไปทรงศึกษาวิชาสาธารณสุขและเตรียมแพทย์ที่สหรัฐอเมริกา ภายหลังจากสำเร็จการศึกษา พระองค์ได้เสด็จพระราชดำเนินกลับมาปฏิบัติงานด้านการแพทย์ ทรงเป็นอาจารย์สอนนักศึกษาแพทย์ ทรงบริจาคทรัพย์เป็นทุนไว้สำหรับส่งนักศึกษาแพทย์และนักเรียนพยาบาลไปศึกษาต่อต่างประเทศ และจัดหาเครื่องมือสำหรับปฏิบัติการในโรงพยาบาล พระกรุณาธิคุณของพระองค์ส่งผลให้กิจการด้านสาธารณสุขและการแพทย์ของไทยมีความเจริญก้าวหน้าตราบจนปัจจุบัน ปวงชนชาวไทยจึงได้พร้อมใจกันขนานพระนามว่า “พระบิดาแห่งการแพทย์แผนปัจจุบัน” และ “เจ้าฟ้าทหารเรือ” จนเป็นที่มาของการเทิดทูนพระเกียรติคุณของพระองค์ด้วยการขอพระราชทานนามอู่เรือแห่งที่ ๓ ของกองทัพเรือว่า “อู่ราชนาวีมหิดลอดุลยเดช” ตลอดพระชนม์ชีพของพระองค์ ได้ทรงอุทิศกำลังพระราชหฤทัยและกำลังพระวรกาย
ประกอบพระราชกรณียกิจเพื่อประเทศชาติและประชาชนเป็นอเนกประการ พระองค์จึงทรงเป็นปูชนียบุคคลที่เหล่าทหารเรือและประชาชนชาวไทยระลึกถึงด้วยความเคารพรักเสมอมา
ข้อมูล กพ.ทร., สลก.ทร.
๑๒ ก.ย.๕๙
ศูนย์บริการแบบเบ็ดเสร็จข้าราชการกองทัพเรือนอกประจำการ ได้เปิดที่ทำการอาคารศูนย์แบบเบ็ดเสร็จข้าราชการกองทัพเรือนอกประจำการ ( One Stop Service : OSS) หรืออาคารสภาเรือแห่งใหม่ ซึ่งตั้งอยู่บริเวณพื้นที่วังนันทอุทยาน ถนนอิสรภาพ เขตบางกอกน้อย กรุงเทพมหานคร โดยเป็นศูนย์บริการแบบเบ็ดเสร็จข้าราชการกองทัพเรือนอกประจำการเพื่อช่วยเหลือ แนะนำ และอำนวยความสะดวกแก่ข้าราชการกองทัพเรือที่ลาออกจากราชการและเกษียณอายุราชการ รวมทั้งทายาท ให้สามารถเข้าถึงการบริการด้านสิทธิกำลังพลได้อย่างสะดวกและรวดเร็วโดยการรวมจุดบริการมาไว้เพียงจุดเดียว อาทิ การเบิกเบี้ยเลี้ยงเดินทางและค่ารักษาพยาบาล ฯลฯ ซึ่งถือเป็นการพัฒนาคุณภาพการสวัสดิการและการบริการให้กับกำลังพลและครอบครัว เพื่อให้มีขวัญกำลังใจและคุณภาพชีวิตที่ดี โดยได้มีพิธีวางศิลาฤกษ์อาคารสภาเรือ เมื่อวันที่ 4 ส.ค.60 ที่ผ่านมา และเรียนเชิญผู้บัญชาการทหารเรือ หรือผู้แทน เป็นประธานในพิธีเปิดอาคาร ศูนย์แบบเบ็ดเสร็จข้าราชการกองทัพเรือนอกประจำการ ในวันที่ 8 พ.ค.61 สำหรับอาคารสภาเรือ ที่สร้างขึ้นนี้ มีรูปแบบการดำเนินการ ใน 3 ส่วนคือ 1. ด...
Comments