นับตั้งแต่ พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดชได้เสด็จฯเถลิงถวัลยราชสมบัติเป็นพระมหากษัตริย์ รัชกาลที่ ๙ แห่งพระบรมราชจักรีวงศ์ ในวันที่ ๙ มิถุนายน พ.ศ.๒๔๘๙ ซึ่งจะครบ ๗๐ ปีเต็มในปีหน้า (พ.ศ.๒๕๕๙) พระราชกรณียกิจที่ทรงปฏิบัติตลอดมาได้เป็นที่ประจักษ์ชัดในหมู่พสกนิกรชาวไทยและชาวโลกโดยทั่วกันแล้วว่า...พระองค์ทรงเป็น “พระมหากษัตริย์ที่ทรงงานหนักที่สุดในโลก”
พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ ๙ ทรงเป็นพระมหากษัตริย์ผู้ทรงคุณอันประเสริฐด้วยพระเมตตาธรรม ทรงบำเพ็ญพระราชกรณียกิจน้อยใหญ่ด้วยพระปรีชาสามารถ และพระราชอุตสาหะ เพื่อความมั่นคงของประเทศชาติและ เพื่อประโยชน์สุขของพสกนิกรชาวไทยอย่างแท้จริง สมดัง พระปฐมบรมราชโองการ ที่ได้พระราชทานไว้ในวันพระราชพิธีบรมราชาภิเษก เมื่อวันที่ ๕ พฤษภาคม พ.ศ.๒๔๙๓
“เราจะครองแผ่นดินโดยธรรม เพื่อประโยชน์สุขแห่งมหาชนชาวสยาม”
น้ำพระราชหฤทัย ในพระบาทสมเด็จพระ เจ้าอยู่หัว ซึ่งเปี่ยมไปด้วยพระเมตตาคุณพระมหากรุณาธิคุณ ยากจะหาพระมหากษัตริย์องค์ใดเสมอเหมือน ประดุจน้ำทิพย์ชโลมใจพสกนิกรชาวไทยทั่วทั้งแผ่นดิน จากรุ่นสู่รุ่น การเสด็จพระราชดำเนินไปทรงเยี่ยมเยียน ราษฎรในท้องถิ่นทุรกันดารทั่วทุกตารางนิ้วของประเทศ ไทยตลอดมา นับแต่เสด็จฯขึ้นครองราชย์ ก็เพื่อจะได้ทรงทราบถึงปัญหาของแต่ละท้องถิ่นแต่ละภูมิภาคอย่างแท้จริง และเพื่อที่จะได้พระราชทานความช่วยเหลือ บำบัดทุกข์บำรุงสุขแก่ราษฎรของพระองค์ได้อย่างตรงจุด โดยทรงรวบรวมข้อมูลไว้เป็นแนวทางที่จะพระราชทานแนวพระราชดำริให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ได้นำไปพิจารณาดำเนินงานเป็นโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริต่างๆ เพื่อพัฒนาชีวิตความเป็นอยู่ของชาวประชาให้ดีขึ้น ทั้งในด้านเศรษฐกิจ สังคมและสิ่งแวดล้อม ดังที่ได้เห็นจากพระบรมฉายาลักษณ์การเสด็จฯทรงงานในโครงการพระราชดำริต่างๆ ซึ่งยังติดตรึงใจประชาราษฎรไทยอย่างไม่มีวันลบเลือน
แม้ปัจจุบันประชาชนชาวไทยจะไม่ได้เห็นภาพการทรงงานอย่างมิทรงเหน็ดเหนื่อยเหล่านั้น แต่ราษฎรทั่วแผ่นดินต่างได้รับผลพวงของความร่มเย็นเป็นสุข การมีกินมีใช้จากโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริต่างๆของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ในการจัดการทรัพยากรธรรมชาติอันเป็นคุณประโยชน์ต่อเศรษฐกิจ สังคมและสิ่งแวดล้อม ที่มีหลากหลาย มากมาย ที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงวางแผนพัฒนา ทรงเสนอแนะ ให้ส่วนราชการ ร่วมดำเนินการตามพระราชดำริ โดยร่วมทรงงานกับหน่วยงานของราชการ ซึ่งมีทั้งฝ่ายทหาร ตำรวจ และพลเรือน ภายใต้การดำเนินงานและรับผิดชอบของสำนักงานคณะกรรมการพิเศษเพื่อประสานงานโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริ (สำนักงาน กปร.) โดยแยกออกเป็นประเภทต่างๆ อย่างครบด้าน ทั้งการเกษตร สิ่งแวดล้อม สาธารณสุข ส่งเสริมอาชีพ พัฒนาแหล่งน้ำ คมนาคมสื่อสาร สวัสดิการสังคมและอื่นๆ
การทรงงานของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว จึงเป็นไปเพื่ออาณาประชาราษฎร์อย่างแท้จริง ไม่เพียงแต่จะทรงแก้ไขปัญหา แต่ยังทรงคิดหาแนวทางพัฒนา เพื่อให้พสกนิกรชาวไทยทุกเชื้อชาติ ศาสนา ที่อยู่ใต้ร่มพระบารมี ได้รับความเป็นอยู่อย่างร่มเย็นและเป็นสุข ทรงเป็น “พระ...ผู้เป็นต้นแบบการให้ที่ยิ่งใหญ่” อย่างแท้จริง
ด้วยเกล้าด้วยกระหม่อมขอเดชะ
--ข้อมูล นสพ.ไทยรัฐ
๕ ธ.ค.๕๘
ศูนย์บริการแบบเบ็ดเสร็จข้าราชการกองทัพเรือนอกประจำการ ได้เปิดที่ทำการอาคารศูนย์แบบเบ็ดเสร็จข้าราชการกองทัพเรือนอกประจำการ ( One Stop Service : OSS) หรืออาคารสภาเรือแห่งใหม่ ซึ่งตั้งอยู่บริเวณพื้นที่วังนันทอุทยาน ถนนอิสรภาพ เขตบางกอกน้อย กรุงเทพมหานคร โดยเป็นศูนย์บริการแบบเบ็ดเสร็จข้าราชการกองทัพเรือนอกประจำการเพื่อช่วยเหลือ แนะนำ และอำนวยความสะดวกแก่ข้าราชการกองทัพเรือที่ลาออกจากราชการและเกษียณอายุราชการ รวมทั้งทายาท ให้สามารถเข้าถึงการบริการด้านสิทธิกำลังพลได้อย่างสะดวกและรวดเร็วโดยการรวมจุดบริการมาไว้เพียงจุดเดียว อาทิ การเบิกเบี้ยเลี้ยงเดินทางและค่ารักษาพยาบาล ฯลฯ ซึ่งถือเป็นการพัฒนาคุณภาพการสวัสดิการและการบริการให้กับกำลังพลและครอบครัว เพื่อให้มีขวัญกำลังใจและคุณภาพชีวิตที่ดี โดยได้มีพิธีวางศิลาฤกษ์อาคารสภาเรือ เมื่อวันที่ 4 ส.ค.60 ที่ผ่านมา และเรียนเชิญผู้บัญชาการทหารเรือ หรือผู้แทน เป็นประธานในพิธีเปิดอาคาร ศูนย์แบบเบ็ดเสร็จข้าราชการกองทัพเรือนอกประจำการ ในวันที่ 8 พ.ค.61 สำหรับอาคารสภาเรือ ที่สร้างขึ้นนี้ มีรูปแบบการดำเนินการ ใน 3 ส่วนคือ 1. ด...
Comments